Search


วันนี้ ผมจัดเวลาเพื่อเตรียมไปพูดกับผู้บริหาร...

  • Share this:


วันนี้ ผมจัดเวลาเพื่อเตรียมไปพูดกับผู้บริหารการศึกษากลุ่มหนึ่ง
จำนวน 200 กว่าคน
ในสัปดาห์หน้า ในเรื่องเกี่ยวกับสมองครับ

คนในวงการศึกษาส่วนใหญ่ยังไม่รู้เกี่ยวกับผลการวิจัยสมอง
ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการจัดการเรียนการสอน
บางโรงเรียนยังกลับทำสิ่งที่ส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ
โดยไม่ตั้งใจ

พ่อแม่เองก็เช่นกัน
บางอย่างที่ทำกลับกลายเป็นการทำลายศักยภาพสมองของลูกไปอย่างน่าเสียดาย

ถ้าเพียงแต่พ่อแม่และครูรู้เรื่องสมองและการเรียนรู้มากขึ้น
ผมว่า เด็กไทยน่าจะเข้าถึงศักยภาพตัวเองได้เพิ่มมากขึ้น
อย่างแน่นอน

ขอยกตัวอย่างสามเรื่องใกล้ตัวมาคุยกันดูนะครับ

หนึ่ง น้ำดื่ม

สมองเราประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่
การดื่มน้ำให้เพียงพอจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ระดับน้ำในร่างกายที่เพียงพอ จะส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาหลายรายที่มาคุยกับผม เล่าให้ฟังว่า
พวกเขาไม่มีโอกาสดื่มน้ำเลยตลอดทั้งเช้า
เพราะต้องเรียนต่อเนื่อง
คุณครูก็ไม่อนุญาตให้ดื่มน้ำในห้องเรียน
ผมถามว่า "แม้แต่น้ำเปล่า ก็ไม่ให้ดื่มเลยเหรอ"
พวกเขาบอกว่า "ใช่"
ผมฟังแล้วรู้สึกเสียดาย

คุณครูเองคงไม่ทราบว่า ขณะที่ครูพยายามทำหน้าที่ของตัวเอง
การมีกติกาไม่ให้เด็กดื่มน้ำในห้องเรียน
และไม่มีเวลาพักระหว่างคาบเรียนต่างๆ
กลับทำให้ครูอาจจะต้องเหนื่อยเปล่า
เพราะสมองของนักเรียนไม่พร้อมที่จะเรียนรู้

โรงเรียนน่าจะสนับสนุนให้เด็กนำน้ำดื่มสะอาดมา
และพกติดตัวไว้สำหรับดื่มอยู่เรื่อยๆ
เชื่อว่า จะช่วยให้เด็กสดชื่น
และพร้อมในการเรียนรู้มากขึ้น

สอง ออกกำลังกาย

ขณะที่เนื้อหาวิชาการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
โรงเรียนต่างๆ ก็ลดวิชาประเภทพลศึกษาลง
แต่รู้ไหมครับ ว่าการออกกำลังกาย ช่วยเสริมการเรียนรู้ได้ดีมาก

นักเรียนหญิงมัธยมปลายคนหนึ่ง เครียดจากการใกล้สอบ
ผมแนะนำและ "ต่อรอง" ให้เธอออกกำลังกายตอนเย็น
ก่อนเริ่มดูหนังสือสอบต่อ
เธออิดออด แต่ผมยืนยันโดยขอให้ได้ลองทำดูสักหนึ่งสัปดาห์
เมื่อได้ทดลองทำดู เธอก็ติดใจและบอกว่า
มันช่วยให้สมองสดชื่นขึ้น มีสมาธิในการอ่านหนังสือได้ดีขึ้น

ประโยชน์ของการออกกำลังกายมีมากมายจริงๆ
ถ้าอยากให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น
ก็้ต้องช่วยกันจัดเวลาให้เด็กได้เคลื่อนไหว
ออกกำลังกายกันให้มากพอ
จะเป็นการเสริมการเรียนรู้ที่ดี

หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเรียนดี
ก็ควรจัดเวลาให้ลูกได้เล่นได้ออกกำลังกายด้วยครับ
รับรองว่า จะเห็นผลในทางที่ดีอย่างแน่นอน

สาม ออกซิเจน

สมองเป็นอวัยวะที่ใช้ออกซิเจนเปลืองมาก
การหายใจให้ลึกและยาว
จะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มมากขึ้น
และยังเป็นการเพิ่มสมาธิได้อีกวิธีหนึ่งด้วย
เราควรฝึกให้เด็กๆ มีทักษะในการหายใจ
และมีนิสัยในการหายใจออกให้ยาว
เรื่องนี้ จะเป็นพื้นฐานของการมีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ

ผมเคยฝึกให้นักเรียนมัธยมต้นคนหนึ่งหายใจออกให้ยาว
ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์
พ่อแม่และญาติบอกว่า "ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน"
ดูนิ่ง มีสติ ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีขึ้น
นักเรียนคนนี้ บอกกับผมว่า
"คุณหมอ ไม่รู้หนูเป็นอะไร
พอหนูเผลอทีไร จะหายใจแบบที่หมอสอนทุกที"

แค่หายใจดีขึ้น
เธอเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลายอย่างเลยทีเดียว

ผมไม่ได้ตั้งใจฝึกสมาธิให้เธอนะครับ
แต่การมีสมาธิของเธอ มันเกิดขึ้นเอง
เมื่อเธอฝึกหายใจอย่างถูกวิธี

ความจริง ยังมีอีกหลายหัวข้อ ที่จะไปคุยกับผู้บริหารการศึกษากลุ่มนี้ครับ แต่วันนี้ ขอแค่นี้ก่อน
หวังว่า คุณคงจะได้ประโยชน์บ้าง
และหากเป็นไปได้ ลองนำไปใช้กับลูกหลาน และลูกศิษย์
ของตัวเองด้วยนะครับ

ขอให้ทุกท่านสมองดีครับ


Tags:

About author
เรียนรู้ชีวิตที่เป็นสุข และ เข้าถึงศักยภาพภายในตน ผ่านเรื่องราวและบทเรียนชีวิตของผู้คน หลากหลายแนวทาง
ข้อคิดเกี่ยวกับชีวิตและความสุข
View all posts